วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Red Velvet Cake

          Red Velvet Cake เป็นเค้กที่มีเนื้อเค้กเป็นสีแดง อาจจะเป็นแดงสด แดงเข้ม หรือน้ำตาลแดงก็ได้ และความที่เนื้อเค้กมีลักษณะนุ่มเนียนราวกับกำมะหยี่จึงได้ชื่อว่า Red Velvet หรือกำมะหยี่แดง

          ลักษณะของตัวเค้กที่พบเห็นโดยทั่วไปจะเป็นเลเยอร์เค้ก (เนื้อเค้กซ้อนกันเป็นชั้น) ปิดหน้าด้วยครีมหรือที่นิยมใช้กันคือ cream cheese icing

          ส่วนผสมที่สำคัญของ Red Velvet ได้แก่ แป้งเค้ก โกโก้ บัตเตอร์มิลค์ น้ำตาล น้ำส้มสายชู ไข่ไก่ ส่วนที่ใช้แต่งหน้าเค้กจะนิยมใช้ cream cheese frosting หรือบัตเตอร์ครีม

          การที่เนื้อเค้กเป็นสีแดงนั้นส่วนใหญ่เกิดจากการใช้สีผสมอาหาร แต่ก็มีกรณีที่เกิดขึ้นโดยปฏิกิริยาของกรดน้ำส้มหรือส่วนประกอบที่เป็นกรด เช่น บัตเตอร์มิลค์ ทำให้เกิดสารสีแดง (anthocyanin) ขึ้นกับผงโกโก้

          ที่ต่างประเทศนั้น ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 คนทำขนมได้ใช้ Beetroot ต้มเพื่อเพิ่มสีของเค้ก จึงทำให้พบการใช้ Beetroot ต้มบดในบางสูตรของ Red Velvet

          เค้กสูตรต้นตำหรับเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในประเทศสหรัฐอเมริกาโดยโรงแรม Waldorf Astoria ในนครนิวยอร์ก เค้กสูตรต้นตำรับจะแต่งหน้าด้วย butter cream icing ในขณะที่ทางตอนใต้จะแต่งด้วย cream cheese frosting อย่างไรก็ดี ทางตอนใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกาไม่นิยมใช้ Beetroot ในสูตรเค้ก

          สำหรับในประเทศไทยแล้ว หลายปีมานี้ Red Velvet Cake ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และสามารถพบเห็นได้ในรูปแบบของคัพเค้กสวย ๆ และได้เป็นหนึ่งในเมนูคัพเค้กที่เสิร์ฟบนเครื่องบินของการบินไทยด้วย


ภาพ Red Velvet Cup Cake โดย Almondo หนึ่งในร้านเค้กอร่อยของเชียงใหม่

วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556

ม่อนแจ่ม


สัมผัสลมหนาวในวันสิ้นปี ที่ม่อนแจ่ม

หลังจากจด ๆ จ้อง ๆ อยู่นานจนใครต่อใครก็ไปกันเยอะแล้วก็ถึงคราวเราไปบ้าง ถือเอาฤกษ์งามยามดีตอนวันสุดท้ายของปี 2555 คว้ากล้องกับรถคู่ใจบึ่งไปเที่ยวม่อนแจ่มซะที

ความจริงม่อนแจ่มกับบ้านของผมก็อยู่ไม่ไกลกันเลย พูดง่าย ๆ ว่าจะไปเมื่อไหร่ก็ได้ ว่างั้น.. แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้จังหวะจะไป พอได้หยุดวันสิ้นปีก็ตัดสินใจเดี๋ยวนั้นว่าไปเลยละกัน

การเดินทางไปม่อนแจ่ม ไม่ได้ยากเลยครับ จากตัวเมืองเชียงใหม่ ขับรถไปตามถนนโชตนา หรือที่เรียกว่าถนนสายเชียงใหม่ – แม่ริม หรือ เชียงใหม่ – ฝาง ก็ได้ตามถนัดเพราะถนนสายนี้ไปถึง อ.ฝาง อ.แม่อายที่ปัจจุบันไม่สะอื้นแล้ว และทะลุออกไปเชียงรายทาง อ.แม่จันได้

ผมขับรถไปตามถนนโชตนา ผ่านสนามกอล์ฟลานนา ผ่านศูนย์ราชการ กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 7 (ค่าย ป.พัน 7) ผ่านกองพันสัตว์ต่าง (ค่ายตากสิน) ผ่านกองพลทหารราบที่ 7 เข้าสู่ อ.แม่ริม ใครอยากแวะเยี่ยมชมพระตำหนักดาราภิรมย์ก่อนก็ได้นะครับ

พอผ่านตัวตลาดแม่ริมไปได้นิดหน่อยก็จะมีทางแยกเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนสาย แม่ริม – สะเมิง หรือที่เรียกกันว่าถนนสายรีสอร์ท เพราะเต็มไปด้วยโรงแรมและรีสอร์ทต่าง ๆ มากมาย ขับรถผ่านน้ำตกแม่สา แม่สาวัลเล่ย์ ปางช้างแม่สา โป่งแยงแอ่งดอย และเมื่อผ่านสวนพฤษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ไปได้เล็กน้อยก็จะมีทางแยกเลี้ยวขวาเข้าโครงการหลวงหนองหอยมีป้ายขนาดใหญ่อยู่ที่ปากทางมองเห็นได้ชัดเจน จากปากทางขับรถเข้าไปอีก 6 กิโลก็จะถึง “ม่อนแจ่ม” จุดหมายปลายทางในทริปนี้ แต่เป็น 6 กิโลที่น่าดูชมเชียวครับ เพราะทางแคบและหลายช่วงโค้งหักศอกและชันมาก

เมื่อขับรถเข้ามาถึงโครงการหลวงหนองหอยก็เริ่มเห็นเค้าลางแห่งความยุ่งยากแล้วเพราะมีรถขับต่อกันขึ้นไปบนตัว “ม่อนแจ่ม” มากเกินกว่าที่คิดไว้ ผมขับรถเลยตัวโครงการหลวงขึ้นไปตามทางซึ่งเป็นหมู่บ้านแม้วได้เล็กน้อย พอประเมินสถานการณ์แล้วว่าอาจไม่มีอนาคตก็ตัดสินใจว่ากลับลงมาจอดรถที่โครงการหลวงแล้วเดินขึ้นไปจะดีกว่า เพราะห่างกันแค่ 300 เมตรเท่านั้น
 
ภาพที่ 1 ถนนจากโครงการหลวงหนองหอยขึ้นม่อนแจ่ม เป็นถนนราดยางสภาพดี
 
จริงดังคาด เพราะหลังจากเดินขึ้นไปอีกเล็กน้อยก็เจอสภาพรถติดบนทางที่ทั้งแคบและชันมาก ๆ นึกในใจว่าตูโชคดีที่ตัดสินใจจอดรถไว้แล้วเดินขึ้นมา พอผ่านตัวหมู่บ้านก็เดินขึ้นเนินสูงอีกเล็กน้อยก็ถึงแล้ว “ม่อนแจ่ม” โอ้โฮ้....มีแต่คนนนนนนนนนน..

ภาพที่ 2 เมื่อผ่านเข้าหมู่บ้านก็เจอสภาพรถติดแบบนี้แหล่ะครับ
 
ภาพที่ 3 เกือบถึงตัวม่อนแจ่มแล้ว ข้างทางเป็นเพิงขายของ มันเผาอร่อยดีครับ

ภาพที่ 4 ถึงแล้วครับ “ม่อนแจ่ม” มีแต่คนและก็คน

เออ... ที่เคยดูรูปที่ใครต่อใครถ่ายเอาไว้ แหม..มันสวยมาก ๆ พอมาเองทำไมมันเป็นแบบนี้ไปได้ หรือว่าเราดันมาช่วงเทศกาลเลยเจอแต่คน

ภาพที่ 5 คนเต็มไปหมด

เอ้า..ไหน ๆ ก็มาแล้ว อากาศก็ไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่ หากาแฟกินแก้หนาวดีกว่า ใช้เวลาตัดสินใจ 2 วินาทีก็สั่งคาปูร้อนแก้วหนึ่ง 60 บาท เอามานั่งกินโต้ลมหนาวที่พัดค่อนข้างแรง กาแฟก็รสชาติงั้น ๆ ให้สั่งอีกแก้วคงไม่เอา กินเสร็จก็เดินถ่ายรูปไปเรื่อย ก็ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันเพราะเจอแต่คน ความสงบสวยงามของสถานที่ก็เลยหมดไป

ภาพที่ 6 มองไปก็เห็นเนินเขาถูกถางจนโล้นไปหมด กลายเป็นแปลงปลุกผักแบบขั้นบันได

ภาพที่ 7 มองลงมาที่ลานจอดรถด้านล่าง รถเต็มไปหมดจนหาที่จอดไม่ได้

ภาพที่ 8 นายแบบตัวน้อยที่พร้อมเป็นแบบให้ตลอดเวลา
 
ภาพที่ 9 ซากรถของโครงการหลวง

ภาพที่ 10 นักท่องเที่ยวกับเหล่านายแบบ นางแบบ

เดินรับลมหนาวสักพักก็เกิดอาการหิว ก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากกาแฟแล้วเดียว เลยเดินเข้าไปที่ร้านอาหาร ขณะยืนดูเมนูอยู่ก็ได้ยินคุณนักท่องเที่ยว 2-3 รายขอยกเลิกเมนูเพราะรอนานมากแล้วยังไม่ได้กินซะที เลยเดินเข้าไปถามว่าถ้าสั่งอาหารจะใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะได้กิน คำตอบคือครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อย โอ้แม่เจ้า ไปกินรวบยอดมื้อเที่ยงที่อื่นดีกว่าเพราะเล็งไว้แล้ว

ภาพที่ 11 F1 ของชาวดอย

ภาพที่ 12 ถ่ายย้อนขึ้นไปที่ม่อนแจ่ม ก็ยังคงมีแต่คน

พอได้เวลาก็เดินกลับลงมาที่โครงการหลวง ระหว่างทางก็เจอคุณ ๆ นักท่องเที่ยวขับรถสวนขึ้นไปและเจอสภาพติดแหงกอยู่บนทางขึ้นเขาก็อดสงสารไม่ได้ บางคนเปิดกระจกรถมาถาม “รถมันติดอะไรค่ะ” ก็ติดเพราะรถเยอะซิจ๊ะน้องสาว ที่จอดรถก็ไม่มีก็ยังอุตส่าห์ขับกันขึ้นไป เลยแนะนำให้หาที่จอดแล้วเดินขึ้นไปชีวิตจะดีกว่านี้

กลับลงมาเดินเล่นที่โครงการหลวง เดินดูแปลงผักจน (เกือบ) ทั่ว เหลือบดูนาฬิกา 11 โมงจะครึ่งแล้ว รีบไปหาอะไรกินดีกว่าเดี๋ยวร้านจะเต็มอีก 

ภาพที่ 13 แปลงผักของโครงการหลวง
ภาพที่ 14 แปลงผักของโครงการหลวง

จากตัวโครงการหลวงขับรถลงมาเพียง 500 เมตร จะเจอทางแยกซ้ายเล็ก ๆ ต้องสังเกตดี ๆ จะเห็นป้าย “บ้านม่อนม่วน” เลี้ยวเข้าไปเลย จากปากทางเข้าไปประมาณไม่ถึง 20 เมตรก็เลี้ยวขวาผ่านไร่องุ่นเล็ก ๆ เข้าไปอีกประมาณ 50 เมตรก็ถึงแล้ว บ้านม่อนม่วน ที่ทานอาหารเที่ยงสำหรับวันนี้

ภาพที่ 15 “บ้านม่อนม่วน”

บ้านม่อนม่วน เป็นที่พักที่น่ารักดีครับ เล็ก ๆ แต่สวยและเป็นสัดส่วนดีมาก วิวดีเพราะติดหน้าผามองไปเห็นทิวเขาเขาซ้อน ๆ กัน เสียดายที่ถูกถางทำไร่จนกลายเป็นเขาหัวโล้นไปหมด
ผมสั่งอาหารมาทาน 3 อย่าง เป็นสลัด 1 จาน ต้มจืดหมูสับผักกาดขาว และเห็ดชุบแป้งทอด ราคาก็เอาเรื่องเหมือนกัน แต่คิดว่าขึ้นมาสูงขนาดนี้ก็พอรับได้ รสชาติดีทีเดียว ผักอร่อยและสดเพราะมาจากโครงการหลวง เสร็จจากอาหารหนักก็ตบท้ายด้วยของหวาน ผมสั่งเค้ก Blueberry กับ Brownies มาทานกับกาแฟลาเต้ เค้กรสชาติใช้ได้แต่กาแฟยังไม่ผ่านครับ
 ภาพที่ 16 สลัด ผัดสดอร่อยมาก
ภาพที่ 17 ต้มจืดผักกาดขาวหมูสับ
ภาพที่ 18 เห็ดชุบแป้งทอด
 
ภาพที่ 19 เค้ก Blueberry

ภาพที่ 20 กาแฟลาเต้กับเค้ก

ภาพที่ 21 เค้ก Brownies
เสร็จจากอาหารก็แว๊ปมาเดินเล่น เห็นโต๊ะอาหารที่ระเบียงว่างอยู่เลยแอบเข้าไปยึดเพื่อถ่ายรูปก่อนที่จะมีแขกเข้ามานั่งอีก นั่งทานอาหารที่ระเบียงชมวิวสวย ๆ แบบพาโนรามานี่มันสุดยอดนะครับ ถ้าลมไม่พัดจนสั่นไปทั้งตัว
ภาพที่ 22 วิวมองจากระเบียงที่นั่งทานข้าว
ภาพที่ 23 อีกมุมหนึ่ง ที่เห็นหลังคาคือบ้านพักครับ
ภาพที่ 24 แปลงสตรอเบอร์รี่หน้าบ้านม่อนม่วน

เหลือบดูนาฬิกา บ่ายโมงเกือบครึ่งแล้ว คงต้องกลับบ้านซะที ผมขับรถลงมาทางเดิมก็เจอรถนักท่องเที่ยวซึ่งส่วนมากทะเบียนกรุงเทพขับสวนขึ้นไปตลอดทาง ก็ขอให้เที่ยวให้สนุกนะครับ ระวังอันตรายจากอุบัติเหตุ และขอให้กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพกันทุกคนนะครับ
แถมท้ายด้วยภาพดอกไม้บนม่อนแจ่มครับ